ความคืบหน้าการนำเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (ฉบับที่ ๘)

จดหมายข่าว
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารขึ้นบัญชีสู่มรดกโลก
ฉบับที่ ๘ ประจำวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙

ในการเสวนาทางวิชาการเพื่อเรียบเรียงเอกสารฉบับสมบูรณ์ (Nomition Dossier) เสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกคราวหนึ่ง นักวิชาการส่วนกลางหลายท่านได้ให้ความเห็นในเรื่องความโดดเด่นของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร  และความเป็นเอกลักษณ์ของพระบรมธาตุเจดีย์  มีหน้าที่สนใจเป็นพิเศษก็คือความเห็นของ  ดร.ธนธร กิตติกานต์  คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพซึ่งได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ไว้สามประการคือ

๑. เจดีย์ประจำมุข (“สถูปิกะ”) ที่อยู่สี่มุมเมืองของลานทักษิณ น่าจะได้รับแบบอย่างมาจากสถาปัตยกรรมประเภท “จันทิ” ของชวา  ตัวอย่างที่ชัดเจนคือพระบรมธาตุไชยา  แต่ต่างตรงที่ยอดสถูปิกะของจันทิในชวาภาคกลาง (รวมถึงพระบรมธาตุไชยา) นั้น ไม่มีบัลลังก์อันเป็นลักษณะเฉพาะของสถูปลังการูปแบบของเจดีย์ประจำมุมยังน่าจะเป็นต้นแบบให้แก่เจดีย์รายซึ่งภายในระเบียงคด (พระด้าน) ซึ่งสร้างเพิ่มเติมบนพื้นที่ที่เคยเป็นลานประทักษิณมาก่อน

๒. ฐานประทักษิณ มีการประดับด้วยซุ้มพระพุทธรูปแลปูนปั้นรูปช้างครึ่งตัวหรือ “หัตถีปราการ” สันนิษฐานว่าเป็นการผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมศรีวิชัยที่นิยมสร้างเสาติดผนังกับหัตถีปราการในสถูปลังกา  นอกจากนี้บนผนังดังกล่าวยังปรากฏปูนปั้นปากท่อระบายน้ำรูปหัวสัตว์  คล้ายกับที่พบในสถูปปวะฏะทาเคบนลานพระเขี้ยวแก้วของเมืองโปโลนาวะ  ดังนั้นผู้สร้างพระบรมธาตุเจดีย์  จึงน่าจะสร้างโดยช่างที่มีความชำนาญในรูปแบบของสถูปลังกา  หรืออาจะเป็นช่างชาวลังกาก็เป็นได้

๓. ยอดพระบรมธาตุทรงกรวยสูง  มีความต่างจาก  “โกตกะรัลละ” ของสถูปลังกาที่ป้อมเตี้ยสันนิษฐานว่าปลียอดและปล้องไฉนนั้นเป็นงานบูรณะเกิดขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๒๐ อย่างไรก็ตาม  หากพิจารณาว่ายอดที่เรียวแหลมนั้นไม่ได้ปรากฏเฉพาะที่พระบรมเจดีย์  แต่พบในสถูปทุกองค์ภายในวัดรวมถึงเจดีย์ประจำมุมที่คล้ายกับสถูปปิกะของพระบรมธาตุไชยา  ดังนั้นยอดเรียวแหลมของพระบรมธาตุเจดีย์นั้นอาจเป็นลักษณะท้องถิ่นที่ปรากฏตั้งแต่สมัยแรกสร้างก็เป็นได้ อนึ่ง  พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชได้กลายเป็นต้นแบบสำคัญให้แก่สถูปเจดีย์ในภาคใต้  ที่ส่วนใหญ่มักเป็นเจดีย์ที่องค์ระฆังป้อมเตี้ย  และมียอดเป้นทรงกรวยแหลมสูงในลักษณะเดียวกัน

ดร.ธนธร  กิตติกานต์  กล่าวย้ำอีกว่า  การรับเอารูปทรงทางสถาปัตยกรรมมาจากเมืองโปโลนนารุวะไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของสถูปกิริเวเหระและสถูปอุทุมพรคีรี  แสดงให้เห็นว่าพระบรมธาตุเจดีย์นครฯสร้างขึ้นร่วมสมัยกับพระเจ้าปรากรมที่พาหุที่ ๑ (พ.ศ.๐๖๙๖-๑๒๗๙) ผู้สร้างสถาปนาความสำคัญของสถูปทั้งสองแห่งให้เป็นสถูปประจำสำนักสงฆ์สองแห่ง  ดึงดูดให้พระสงฆ์จากดินแดนเดินทางไปจาริกแสวงบุญ  และนำเอาพระพุทธศาสนามาประดิษฐานให้ตั้งมั่นในดินแดนของตน  ด้วยการสร้างพระธาตุเจดีย์เป็นสัญลักษณ์  ทั้งนี้ช่วงเวลาดังกล่าวยังสอดคล้องกับปีสร้างพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช  นั่นคือ พ.ศ.๑๗๑๙อีกด้วย

ผ.ศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์
ประธานกรรมการฝ่ายวิชาการ